คำถามที่ค้างคาใจหลายๆคนว่า ลิขิตพระสังฆราชคืออะไร??
ลิขิตพระสังฆราช นำไปอ้างใช้จับสึกพระได้หรือไม่??
บุคคลอ้างพระลิขิตเพื่อนำไปสู่การจับสึกพระทำได้หรือไม่?
ขอบเขตอำนาจของพระสังฆราชอยู่ตรงไหน และบุคคลนำพระลิขิตไปกล่าวอ้าง
เพื่อจับ “สึกพระ” ได้หรือไม่
พระพุทธเจ้าตอนจะปรินิพพาน ไม่ได้มอบให้ผู้ใดเป็นศาสดาแทน
แต่ท่านให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนท่าน ต่อมาภายหลังมีการตั้งตำแหน่งทางพระ ตั้งแต่พระสังฆราช, พระผู้ปกครองตามลำดับชั้นต่าง ๆ
รวมถึงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
ก็เพื่อให้เป็นเครื่องมือช่วยดูแลคณะสงฆ์
ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย
ธรรมะวินัย
จึงเป็นใหญ่ กฎระเบียบต่าง ๆ
จะเป็นรอง
และจะต้องไม่ขัดแย้งต่อพระธรรมวินัย
อำนาจของพระสังฆราชและพระผู้ปกครอง จะมี 2 ส่วนหลักคือ
1. อำนาจในการปกครอง
เป็นอำนาจในการดูแลพระภิกษุและบุคลากรในสังกัดของท่าน จะแต่งตั้ง
โยกย้าย ก็ทำได้ในขอบเขตอำนาจนี้
2. อำนาจในการตัดสินความผิดพระ โดยพระธรรมวินัย ไม่ได้มอบอำนาจให้ใครตัดสินความผิดพระโดยลำพัง การตัดสินต้องทำเป็นองค์คณะพิพากษา
(แม้แต่จะบวชใครให้เป็นพระ ก็ต้องทำเป็นองค์คณะ
พูดได้ว่า “ พระธรรมวินัยไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้ใดผู้หนึ่งมีอำนาจ ชี้ให้ใครบวช
หรือ ชี้ให้ใครสึก จะต้องทำเป็นองค์คณะเท่านั้น)
ดังนั้น การกล่าวอ้างเอา "พระลิขิต" มาตัดสินให้ใครปาราชิกจะทำไม่ได้
อย่าว่าแต่ “พระลิขิต” ที่เป็นตัวหนังสือ แม้ว่าพระสังฆราชจะพูดด้วยตัวท่านเองก็ยังเป็นความเห็น ในสถานะที่ท่านเป็นหนึ่งในองค์ผู้พิพากษาในมหาเถรสมาคม ถึงท่านจะเป็นประธานในมหาเถรสมาคม แต่การตัดสินก็ต้องเป็นไปตามมติที่ประชุมของมหาเถรสมาคม ซึ่งเปรียบไปแล้วเหมือนกับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา (องค์คณะผู้พิพากษาสูงสุดในกฎหมายทางโลก)
ในทางปฏิบัติ การสึกของพระ จะเห็นได้ใน 3 ทาง คือ
1. ท่านมีความยินดีในเพศสมณะแต่เพียงเท่านั้น ก็เปล่งวาจาสึก ไปใช้ชีวิตทางโลก
2. กระทำความผิดพระธรรมวินัย แล้วยอมรับ
ก็เปล่งวาจาสึกด้วยตนเอง ซึ่งจะอยู่ต่อหน้าพระผู้ ปกครองรูปใดรูปหนึ่งก็ได้
3. ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด แต่พระภิกษุปฏิเสธว่าตนเอง
ไม่ได้ทำความผิดก็ต้องตั้งคณะขึ้น มาสอบสวน
ถ้าผลออกมาว่าผิดจริง ก็ถูกให้สึก แต่ถ้าสอบสวนแล้วไม่ผิด ก็เป็นอันพ้นมลทิน
โดยนัยยะตามข้อ 3 นี้ ในทางคณะสงฆ์จึงได้มีกฎเกณฑ์ที่สอดคล้องตามพระธรรมวินัยคือ
โดยจะ มีองค์คณะผู้พิพากษาตามลำดับชั้น ตั้งแต่ลำดับชั้นต้น จนไปถึงระดับสูงสุดคือ
ที่ประชุมมหาเถร สมาคม
สรุปได้ว่า
บุคคลจะนำ “พระลิขิต”
ไปกล่าวอ้างเพื่อสึกพระ ทำไม่ได้
-------------------------------------
ชัดเจนมากๆ พระธรรมวินัยปกครองสงฆ์ ไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้ใดผู้หนึ่ง โดยเฉพาะที่คิดที่แอบอ้างพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช มาชี้นำสังคม ช่างไร้เสียซึ่งจรรยาบรรณ
ตอบลบข้อม๓ลดีมาค่ะ
ตอบลบข้อม๓ลดีมาค่ะ
ตอบลบชัดเจนครับ
ตอบลบชัดเจนมากๆค่ะ อนุโมทนาบุญกับผู้ให้ข้อมูลค่ะ
ตอบลบชัดเจนมากๆค่ะ อนุโมทนาบุญกับผู้ให้ข้อมูลค่ะ
ตอบลบคลายสงสัยนักข่าว มี่พยายามเอาพระลิขิตมาอ้างได้ครับ นักข่าวจะชี้นำไม่ได้....
ตอบลบคลายสงสัยนักข่าว มี่พยายามเอาพระลิขิตมาอ้างได้ครับ นักข่าวจะชี้นำไม่ได้....
ตอบลบแจ่มเลย.....
ตอบลบชัดเจนเสียที....
หายโง่เสียที .....
แจ่มเลย.....
ตอบลบชัดเจนเสียที....
หายโง่เสียที .....
กระจ่างสักที
ตอบลบกระจ่างสักที
ตอบลบเคลียร์คัท ชัดเจน องค์กรใดก็ตามที่บริหารกิจการโดยมีสมาชิกประกอบกันเข้าเป็นองค์คณะ เช่นสภา ศาล สมาคม หรือแม้แต่รัฐบาล การที่จะตัดสินในกิจการหรือเรื่องราวใดๆ ว่าทำหรือไม่ทำ ผิดหรือไม่ผิด ผู้ที่เป็นประธานสภาก็ดี ประธานศาลหรือหัวหน้าคณะผู้พิพากษาก็ดี นายกสมาคมก็ดี หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ดี ไม่สามารถจะตัดสินใจได้โดยลำพังว่าเรื่องใด จะทำหรือไม่ทำ เรื่องใด จะผิดหรือไม่ผิด คำตัดสินเช่นว่านี้ จะต้องเป็นไปโดยมติของสมาชิกในองค์กรนั้นเท่านั้น เข้าใจตรงกันนะ
ตอบลบความรู้แบบนี้ชาวบ้านทั่วไปไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน ทำให้ผู้ไม่หวังดีเอาไปแอบอ้างให้ร้ายผู้อื่นและคนก็เชื่อตามๆกัน ทำนองว่ายุคนี้ข่าวสารหาง่ายทางอินเตอร์เน็ตแต่มีความจริงไม่ถึงครึ่ง
ตอบลบ